วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[Fic] I just wanna love you #Gradence #5

Title : I just wanna love you
Chapter : 5
Pairing : Percival x credence


Warning : ฟิคเรื่องนี้ไม่มีพล็อต ไม่มีเนื้อเรื่องตายตัว ถ้าสับสนมึนงงตรงไหน บอกเรานะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะ




………………..

I just wanna love you





หลังจากเมื่อวานที่เพรอ์ซิวัลทำให้เครเดนซ์ร้องไห้โดยไม่รู้สาเหตุ วันนี้เขาก็เลยมาทำงานด้วยอารมณ์ขุ่นมัวแบบที่เขาไม่เคยเป็นเพราะปกติเพอร์ซิวัลคือคนนึงที่หน้าตายจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แต่ตอนนี้ ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขามากกว่าเดิมเพราะรู้สึกถึงบรรยากาศขมุกขมัวรอบตัวชายหนุ่มอีกทั้งคิ้วหนาคู่นั้นที่ขมวดเข้าหากันทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในฐานะนายหัวของทุกคนในบริษัทน่ากลัวขึ้นไปอีก


          ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเน็คไทกำลังประสานมือลงบนโต๊ะแล้วเท้าคางพลางขมวดคิ้วยุ่งจนเลขาสาวที่เข้ามาเพื่อแจ้งตารางงานยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงหน้าเพอร์ซิวัล จนผู้บริหารหนุ่มรำคาญเงยหน้าขึ้นเหลือบตามองหญิงสาวก่อนจะลุกขึ้นคว้าเสื้อสูทที่แขวนอยู่บนที่แขวนเสื้อข้างโต๊ะทำงานมาใส่
         

“ยกเลิกนัดทั้งหมด เอกสารผมเซ็นให้บางส่วนแล้ว ส่วนที่เหลือผมกำลังพิจารณา ถ้ามีอะไรเพิ่มก็กองไว้บนโต๊ะนั่นแหละ เดี๋ยวผมกลับมาเคลียให้” ร่างสูงร่ายยาวก่อนเดินไปตบบ่าเลขาสาวสวยและเดินออกไป ทิ้งหญิงสาวยืนถือเอกสารงงหน้าโต๊ะทำงานของเพอร์ซิวัล


จุดมุ่งหมายที่ทำให้เพอร์ซิวัลเลิกงานก่อนเวลาคือการง้อเด็กหนุ่มที่เป็นสาเหตุให้อารมณ์ของเขาขุ่นมัว

ก็เล่นร้องไห้ออกมาตอนที่บอกรักเขา หลังจากที่เพอร์ซิวัลจูบเด็กหนุ่มกลางร้านอาหารแบบนั้นจะให้อารมณ์ดีได้ยังไงกัน  แถมเขายังไม่รู้ว่าทำไมเครเดนซ์ถึงร้องไห้ออกมาแบบนั้น ยิ่งทำให้อารมณ์เสียกว่าเดิม


อารมณ์เสียที่ทำให้เด็กหนุ่มร่างโปร่งคนนั้นเสียน้ำตา


และอารมณ์เสียที่ไม่รู้เหตุผลของน้ำตานั่น


เครเดนซ์เธอโกรธฉันเรื่องอะไรกันแน่?


.
.
.
เด็กหนุ่มเดินไปตามทางเรื่อยๆหลังจากออกจากบ้านมาเพื่อจะไปโรงเรียนในเวลาเที่ยงตรงเนื่องจากตนเรียนบ่าย แต่สองเท้ากลับพาเขาไปที่ที่นึงแทน

.
.
“เรามาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”

เครเดนซ์เงยหน้ามองตึกสูงที่เขามักแอบมองจากซอกตึกฝั่งตรงข้ามและเฝ้ารอใครบางคนออกมาแล้วขึ้นรถ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มยืนอยู่ด้านหน้ามันไม่ใช่ในซอกหลืบนั่น มันสูงใหญ่กว่าตอนที่เขามองจากที่ไกลๆมากนัก


เด็กหนุ่มที่อยู่ในเสื้อยืดซ้อนทับด้วยโค้ทสีน้ำตาลสะพายเป้ยืนเงยหน้ามองตึกสูงที่เจ้าของคือคนเดียวกันกับที่ขโมยจูบแรกของเขาไปเมื่อวาน


เพอร์ซิวัล เกรฟส์


เครเดนซ์รู้ รู้มาโดยตลอดว่าเพอร์ซิวัลเป็นใคร เขาเป็นผู้บริหารบริษัทที่ผลิตน้ำหอมชื่อดังที่สืบต่อมาจากแม่ของเขา เป็นเหตุผลว่าทำไม เด็กหนุ่มถึงไม่เคยกล้าเข้าไปทักหรือทำความรู้จักก่อนหน้าที่เพอร์ซิวัลจะย้ายมาอยู่ใกล้ๆ


และทำได้แค่มองอยู่ห่างๆในที่แคบ


เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกับที่ดวงหน้าขาวก้มลงมองรองเท้าใบเก่าๆของตัวเอง พลางคิดถึงจูบเมื่อวาน ก่อนที่จะยกมือขึ้นกุมหน้าอกที่อวัยวะภายในเต้นรัวราวกับจะเด้งออกมาเพราะสิ่งที่คิด แต่ความคิดที่คิดว่าเพอร์ซิวัลจูบเขาเพียงเพราะบรรยากาศพาไปก็พาลทำให้อารมณ์ของเด็กหนุ่มตัดฉับ เพราะคำขอโทษของชายหนุ่มวนเข้ามาในหัว


ที่เขาจูบแกก็คงเพราะบรรยากาศในภัตตาคารนั่นต่างหากไม่ใช่เพราะเขาชอบแกซะหน่อย เครเดนซ์..


เครเดนซ์คิด หารู้ไม่ว่าสิ่งที่คิดมันผิดไป



สองเท้าในรองเท้าหนังขัดมันเงาก้าวเดินออกจากตึกสูงที่ตัวเองเป็นเจ้าของโดยมีเสียงบอกลาโดยพนักงานผู้ภักดีไล่หลังก่อนจะหยุดลงเมื่อเห็นร่างโปร่งที่เขาไม่คิดว่าเวลาแบบนี้เด็กหนุ่มจะยืนอยู่ด้านหน้าบริษัทของเขาได้กำลังก้มหน้ามองรองผ้าใบเก่าของตัวเองอยู่


เครเดนซ์!!


ชายหนุ่มในชุดสูทตะโกนกู่ก้องในใจด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยก่อนก้าวฉับๆไปยืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม
เมื่อร่างโปร่งรู้สึกตัวว่ามีใครยืนอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นและชะงักเมื่อรู้ว่าอีกคนเป็นใคร


“คุณเกรฟส์...!!!


เครเดนซ์ร้องเสียงหลงทันทีที่เพอร์ซิวัลคว้าตัวเขาขึ้นอุ้มพาดบ่า ก่อนที่ร่างสูงจะพาเขาไปยัดที่รถคันหรู


แล้วเครเดนซ์ก็เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้เพอร์ซิวัลอีกครั้ง


เดจาวูชัดๆ!


“ไง”
เพอร์ซิวัลเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน


“ครับ? เออ..ดีครับ”
เครเดนซ์ตอบกลับก่อนที่ทั้งรถจะเงียบอีกครั้ง



อะไรกันเนี่ย!!!???
เด็กหนุ่มคิดในใจก่อนจะเปิดปากแต่ก็ต้องหยุดเมื่ออีกคนพูดแทรกขึ้นมาก่อน



“เธออยากรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไปรับเธอเมื่อวาน ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้”


“...”


“ไม่มีเหตุผลหรอก แค่อยากทำ เพราะเธอคือคนสำคัญ”


“....”
เครเดนซ์ก้มหน้าไม่วายคิดว่าทำไมเพอร์ซิวัลถึงคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญทั้งที่พึ่งเจอเขาไม่กี่ครั้ง และคำตอบต่อมาทำให้ดวงหน้าขาวหันขวับไปมองผู้ใหญ่ข้างตัว


“คิดว่าเธอเป็นฝ่ายมองคนเดียวเหรอ รู้อะไรไหม ฉันก็แอบมองเธอมาตลอดเหมือนกัน”


“คุณ...”


“รู้ตลอดเลย”
เพอร์ซิวัลหันมายิ้มให้เด็กหนุ่มที่อ้าปากค้างหน้าแดงมองเขาแวบนึงก่อนหันกลับไปมองถนนแล้วพูดต่อ


“และรู้อะไรไหม? ฉันก็รักเธอเหมือนกัน”


“ทำไม...”


“แค่อยากจะรักไม่ได้เหรอ?”


เพอร์ซิวัลหันมามองที่เครเดนซ์อีกครั้ง แต่ครานี้เขาดับเครื่องยนต์แล้วผละมือออกจากเกียร์มากุมมือขาวของร่างโปร่งที่มองเขาผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อในดวงตากลม


“ฉันแค่อยากจะรักเธอ ได้ไหม?”


         มือกร้านถูกยกขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มใส ก่อนที่ใบหน้าของชายหนุ่มจะขยับเข้าใกล้ดวงหน้าหวานและจ้องเหมือนกำลังลุ้นคำตอบ
         

          “ผมห้ามคุณไม่ให้รักผมได้เหรอครับ”

         
          “...”

          เป็นฝ่ายเพอร์ซิวัลที่เงียบขึ้นมาบ้าง กระทั่งเครเดนซ์แย้มยิ้มหวานให้อีกคนก่อนพูดประโยคที่ทำเอาอีกคนที่แทบไม่เคยยิ้มกว้าง ได้ยิ้มกว้างออกมาเท่าที่จะกว้างได้


          “ผมห้ามคุณไม่ได้ คุณก็ห้ามผมไม่ได้ ฉะนั้น ผมก็จะบอกว่า ผมรักคุณ”


          เครเดนซ์ยิ้ม ยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นไหลอาบแก้ม ก่อนจะถูกดึงไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน


          “ฉันก็รักเธอ”


          “ทีนี้ เธอจะบอกฉันไหมว่าทำไมเธอถึงร้องไห้วิ่งหนีเข้าบ้านไปเมื่อวาน?”
          เพอร์ซิวัลผละออกแล้วจ้องหน้าของอีกคนคาดคั้นเอาคำตอบที่เขานอนคิดทั้งคืนไม่ออก


          “ก็..คุณขอโทษผม ผมคิดว่าคุณเผลอทำไปเพราะไม่ตั้งใจโดยที่ไม่รู้สึกอะไรกับผม..ก็เลย...”
          เด็กหนุ่มก้มหน้าหลบสายตาคมของผู้ใหญ่ตรงพร้อมกับแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้ใหญ่อีกคนได้ ก่อนที่มือหนาจะถูกยกขึ้นมาไว้บนหัวทุยของเครเดนซ์แล้วขยี้เบาๆ


         
“ฉันรู้สึกกับเธอนะ รู้สึกมากด้วย แต่ที่ขอโทษเพราะฉันไม่อยากให้เธอมองว่าฉันฉวยโอกาส แล้วมองฉันเป็นคนไม่ดี เข้าใจฉันไหม?”


เพอร์ซิวัลหันไปถาม ก่อนที่เด็กหนุ่มจะผงกหัวขึ้นลงเบาๆเป็นคำตอบ หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ละมืออกจากหัวทุยๆของเครเดนซ์ แล้วหันไปสนใจถนนต่อ




.
.
แต่ก็นั่นแหละ ประโยคที่ว่า เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ยังใช้ได้อยู่


เมื่อเพอร์ซิวัลพาเครเดนซ์กลับมาที่บ้านหลังจากที่ทั้งสองตกลงคบกัน เพอร์ซิวัลก็บังคับเด็กหนุ่มโดดการทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนแล้วพาเด็กหนุ่มเที่ยวเล่นจนลืมดูเวลาแล้วกลับดึกกว่าทุกวันจนแมรี่มารออยู่ที่หน้าบ้านด้วยสีหน้าที่โกรธจนเครเดนซ์กลัว เลยเดินลงจากรถก้าวไปหาแมรี่ช้าๆแล้วครางเรียกชื่อผู้เป็นป้าเบาๆ


“ป้าแมรี่..”


“แกไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึกกับผู้ชายคนนี้!?”

หญิงสาวผมสั้นในชุดกระโปรงยาวมีเสื้อไหมพรมคลุมไหล่กระชากแขนบางของเด็กหนุ่มแรงจนร่างโปร่งเซถลาไปชนรั้ว ก่อนที่มือเรียวผอมของแมรี่จะตรงเข้ามาจิกกลุ่มผมนุ่มของเครเดนซ์เหวี่ยงออกจากรั้ว


เพอร์ซิวัลที่พึ่งตั้งสติได้ มองเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนจะเข้าชาร์ทไปที่ตัวแมรี่แล้วจับตัวเธอออกจากร่างโปร่ง เมื่อร่างของหญิงล้มเครเดนซ์ก็เข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างทั้งสอง


“พอครับ อย่าทำเธอ!
เครเดนซ์ผลักตัวเพอร์ซิวัลออกห่างจากร่างหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนที่ร่างโปร่งจะเข้าไปพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้นช้าๆ


“ไม่เป็นอะไรนะครับคุณป้า”


“ป้าอยากคุยกับแก”


“ครับ”

เครเดนซ์พยุงร่างเล็กของผู้เป็นป้าอย่างเบาๆมือ ก่อนจะไปมองเพอร์ซิวัลที่ยืนนิ่งมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่เป็นห่วงเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มทำปากพูดให้อีกคนกลับไปก่อนแบบไม่มีเสียง แล้วพาแมรี่เดินเข้าบ้านไป ทิ้งผู้ใหญ่อีกคนมองตามห่างๆ



เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน เครเดนซ์ก็พาหญิงสาวไปนั่งที่โซฟากลางบ้านก่อนจะคุกเข่าตรงหน้าเธอแล้วก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ประสานอยู่บนตัก

“ว่าไง ไปทำอะไรมา โรงเรียนก็ไม่ได้ไป งานก็ไม่ได้ทำ แถมกลับดึก รู้ไหมว่าคนที่บ้านเป็นห่วง” เสียงแหลมอ่อนลงเมื่อเห็นท่าทางของคนเป็นหลาน ก่อนจะยกมือวางบนหัวทุย เครเดนซ์เงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ เด็กหนุ่มไม่เคยได้ยินคำว่าเป็นห่วงและไม่เคยได้รับการอ่อนโยนจากป้าเลย ดวงตากลมมองหญิงสาวตรงหน้า จดจ้องไปที่ดวงตาสีหม่นราวกับกำลังมองว่าสิ่งที่พูดคือความจริงไหม และเด็กหนุ่มก็เข้าใจว่าคนตรงหน้าห่วงเขาจริงๆ


“ป้าเป็นห่วงผมเหรอ?”
เครเดนซ์เอ่ยถาม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวเล็กน้อย แล้วมือเรียวก็ฟาดมาที่ไหล่เขาอย่างแรงจนร่างโปร่งร้องโอ๊ย

“เด็กบ้า! ถ้าฉันไม่ห่วงแกแล้วฉันจะห่วงใคร!? แกเป็นหลานฉันนะ!


          แมรี่ตะคอกเสียงดัง ก่อนจะขมวดคิ้ววุ่น พลางถอนหายใจแล้วว่าต่อ
         

          “ที่ผ่านมาฉันอาจจะทำตัวไม่ดี แต่ก็ใช่ว่าฉันเกลียดแกซะหน่อย”
แมรี่ยังพูดต่อ เครเดนซ์ก็ได้แต่ก้มหน้ารับฟัง

“ฉันรักแก รักเหมือนลูกคนหนึ่ง แล้วที่ฉันไม่แสดงออกและไม่ค่อยดูแลแกก็เพราะฉันแสดงออกไม่เป็น แกน่าจะรู้ แล้วที่ฉันไม่จ่ายค่าใช้จ่ายอะไรของแกเลยก็เพราะฉันอยากให้ดูแลตัวเอง ฉันไม่อยากโอ๋แก แกอาจจะไม่เข้าใจ แล้วฉันไม่ว่าหรอกถ้าแกจะเกลียดฉันอ่ะนะ แล้วก็..ให้ตายสิ เยอะชะมัด ฉันไม่รู้จะอธิบายอะไรต่อ แต่ก็นั่นแหละ อยากให้รู้ว่าฉันก็รักแก เป็นห่วง รู้ไว้ และก็ขอโทษที่ทำรุนแรงไป ฉันเผลอโกรธมากไปหน่อย”


เสียงแหลมร่ายยาวเรื่อยๆ เครเดนซ์ก็นั่งฟังพลางมองมือบางที่บีบกันไปมาของแมรี่ราวกับกำลังกังวลในสิ่งที่พูด ดวงหน้าขาวเงยขึ้นมองหน้าพูดเป็นป้าที่เบือนหนีหันไปมองอย่างอื่น


“ป้า เหมือนกำลังเด็กสาวกำลังสารภาพรักผู้ชายที่ชอบเลย”


เครเดนซ์พูดติดตลกพลางขำเบาๆ ก่อนที่จะร้องเสียงหลงเพราะเจอฝ่ามือพิฆาตของผู้ป้าฟาดลงที่ไหล่บางอีกครั้ง


“เพื่อนเล่นเหรอ? ทีนี้ตอบมาว่าทำไมไม่ไปเรียน ไม่ไปทำงาน แถมยังกลับดึกพร้อมผู้ชายคนนั้นอีก” แมรี่กอดอกแล้วหรี่ตาจ้องคนหลาน


“ไปตามหาหัวใจครับ แล้วก็ได้มาแล้ว”
ฟันขาวกัดเม้มปากสีซีดของตัวเองเบาๆพร้อมกับดวงตากลมเหลือบมองไปที่ผู้เป็นป้า


“หมายความว่าไง? เล่ามา พึ่งเจอกันไม่กี่วันรักกันแล้ว? ยังไง??”
เมื่อโดนคาดคั้น เครเดนซ์ก็ต้องจำใจเล่าตั้งแต่เริ่มตอนที่เขาเจอเพอร์ซิวัลครั้งแรก...



-To be continue-



Note : สั้นไหม สั้นเนอะ เหมือนจะจบ แต่ไม่จบ ไม่จบง่ายๆหรอก อยากยื้อเยื้อต่อไปเรื่อยๆ (ฮา) อย่าพึ่งเบื่อกันนะ รอติดตามกันต่อไปเนอะ คำตก คำผิดตรงไหน บอกเรานะ มึนงงอะไร ก็บอกนะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[SF] Tinker Bell : Colin x Ezra

Tinker Bell






คุณรู้จัก ทิงเกอร์เบลล์ไหม?



ภูติตัวน้อยที่อยู่เคียงข้างพีเตอร์แพนตลอดเวลา ทั้งเวลาสุข และ ทุก



แต่



พีเตอร์แพนไม่เคยรักเธอเลย



เขารักเด็กผู้หญิงอีกคน



แล้วเขาก็ทิ้งเนเวอร์แลนไปอยู่กับเด็กคนนั้น



ทิ้งความเยาว์



ทิ้งความสนุก



และใช่



พีเตอร์แพนทิ้งทิงเกอร์เบลล์ด้วย



แม้ตอนจบในเรื่อง พีเตอร์แพนจะกลับมาที่เนเวอร์แลนด์แต่หัวใจของเขายังคงอยู่กับเธอคนนั้น และจะยังคงอยู่ตลอดไป ไม่มีวันหันกลับมามอง ทิงเกอร์เบลล์ที่มองเขามาตลอด




น่าเศร้าที่เอซรา มิลเลอร์ในตอนนี้เจอเหตุการณ์เดียวกับทิงเกอร์เบลล์ แตกต่างกันที่เขาไม่ใช่ภูติตัวน้อยน่ารัก คนคนๆนั้นไม่ใช่พีเตอร์แพน ไม่มีเนเวอร์แลนด์ และเขาไม่เคยกลับมา...


เด็กหนุ่มตัวสูงโก่งผอม ผมหยักศกสีนิล หน้าตาดี ดวงตาเรียว คิ้วได้รูป ปากกระจับอมชมพู มีสันกรามเป็นสันโดษเด่น อายุยี่สิบกว่า มีอาชีพเป็นช่างภาพที่มีเงินเดือนแค่พอเลี้ยงชีพ อย่างเอซรา มิลเลอร์ กำลังมองอดีตคนรักที่ยืนเคียงข้างคนรักของเขาปัจจุบันด้วยรอยยิ้ม


ใช่ เขากำลังถ่ายภาพพวกเขาทั้งคู่


เป็นภาพที่ใช้สำหรับงานแต่งซะด้วย


เจ็บดีไหมล่ะ?


“ใกล้อีกนิดครับ ใช่ มองตากันอย่างนั้นแหละ ดี นิ่งนะครับ”
เสียงแหบหวานออกปากสั่งให้คู่รักหน้ากล้องโพสท่าตามคำพูด ก่อนกดชัตเตอร์บันทึกภาพของชายหนุ่มร่างกำยำในชุดสูทเข้ารูปที่กำลังโอบเอวสาวร่างเล็กในเดรสสีขาวมีแขนยาวเป็นลูกไม้จากด้านหลัง เธอเอี้ยวหน้าใบหน้าสวยที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพงมองใบหน้าคมด้วยสายตาหวานซึ้งเช่นเดียวกันกับคนรักของเธอพร้อมแย้มยิ้มเล็กๆให้


ช่างสมบูรณ์แบบ


เด็กหนุ่มคิดก่อนผละออกจากกล้องตัวใหญ่ราคาแพงมา แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับทั้งสอง


“เสร็จแล้วครับ งานดีแบบนี้อย่าลืมเพิ่มค่าจ้างให้ผมนะคุณแฟร์เรลล์” เอซราพูดก่อนเรียกโคลิน แฟร์เรลล์ผู้ที่เป็นแบบให้เขาถ่ายในวันนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ว่างจ้างเขามาดูผลงานในกล้องที่มีรูปของคู่รักกำลังโอบกอดพร้อมส่งสายตาหวานซึ้งให้กันอยู่บนหน้าจอดิจิตอล
“ดี สมกับที่ผมจ้างคุณมา ไม่ต้องห่วงเลยว่าผมจะไม่เพิ่มให้คุณ แต่ผมขออะไรอย่างนึงได้ไหม?” โคลินก้มลงมองรูปในกล้องของเด็กหนุ่มก็จะเงยหน้าขึ้นกระซิบเบาๆใกล้ดวงหน้าขาวโดยไม่สนใจ ผู้หญิงร่างเล็กที่กำลังกอดอกมองมาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ซักนิด “ไปทานข้าวกับผมเย็นนี้ ได้ไหม?”


ถ้าเป็นในตอนที่ยังคบกัน แล้วโคลินกระซิบด้วยน้ำเสียงหวานแบบนี้มีหรือเอซราจะปฏิเสธ จะตอบรับทันทีแล้วแถมจูบให้เป็นรางวัลด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คบกัน และอีกคนกำลังจะแต่งงาน เอซราจำใจต้องปฏิเสธก่อนขอตัวไปจัดการอะไรอีกซักเล็กน้อย



.
.
.
“ถ้ารูปเสร็จ วิดีโอเสร็จ ผมจะส่งผ่านเมล์ไปให้นะครับ ไม่น่าจะเกินสิบวัน ถ้าอยากแก้อะไรให้ติดต่อกลับมาภายในสามวัน แล้วเราจะแก้ให้ หลังจากนั้นถ้าไม่มีอะไรช่วยโอนเงินค่าจ้างที่เหลือด้วยนะครับ” เด็กหนุ่มร่างสูงร่ายยาวขณะที่ยืนส่งคู่รักที่เขาพึ่งถ่ายงานให้เสร็จอยู่ที่หน้าสตูดิโอ ก่อนจะยืนมือบอกลากับหญิงสาวร่างเล็ก



“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ว่าที่คุณนายแฟร์เรล”
เอซราเขย่ามือเล็กเบาๆก่อนจะยิ้มตาหยีพร้อมแซวหญิงสาวตรงหน้าจนเธอเขินอายหน้าขึ้นสีระเรื่อก้มงุดหลบสายตาของเด็กหนุ่ม เอซราโค้งให้ทั้งคู่เล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในสตูดิโอ



หยาดน้ำใสหล่นลงบนพื้นจากดวงตากลมที่มองอดีตคนรักจากไปพร้อมคนรักใหม่ของเขา ในใจของเอซรากำลังคิดว่าถ้าเขาตอบตกลงไปทานข้าวกับโคลินเย็นนี้จริงๆจะเป็นยังไง ผู้ชายคนนั้นจะเปลี่ยนใจกลับมาหาเขาไหม? จะเป็นการทำลายชีวิตของผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า? เด็กหนุ่มไม่รู้หรอก เพราะเขาปฏิเสธไปแล้ว และนั่นก็ดีที่สุดแล้วที่จะปล่อยให้โคลินทำสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ดีต่อใจของเขา


          แค่เขามีความสุข เอซราก็สุขด้วย แค่ไม่ใช่ตอนนี้



          ขอเวลาผมทำใจสักพักนะ คุณแฟร์เรลล์ แล้วผมจะยินดีกับคุณด้วยความเต็มใจ



          นั่นคือสิ่งที่เด็กหนุ่มคิดเมื่อมองคู่รักที่เหมาะสมเดินออกไปจนลับสายตา



          สุดท้ายทิงเกอร์เบลล์ก็สามารถนำผู้หญิงที่พีเตอร์แพนกลับมายังเนเวอร์แลนด์ได้ โดยเธอได้แต่เฝ้ามองพวกเขาทั้งคู่รักกันด้วยความสุข



-END-


Note: เนื้อเรื่องในที่เรานำมาอ้างอิงอาจจะไม่ตรงตามเนื้อเรื่องจริงๆ เราก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ จู่ๆเราก็นึกขึ้นได้และเราก็เขียนเลยโดยไม่ได้ศึกษาเนื้อเรื่องจริงๆเท่าไหร่นัก แค่อยากเขียนช็อตฟิคคั่นระหว่างเรื่องที่เรากำลังแต่งอยู่ ไม่อยากให้เบื่อกันเนอะ อาจจะสั้นไปเยอะ ก็ขออภัยในเรื่องนี้ด้วย สุดท้าย ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[Fic] I just wanna love you #Gradence #4



Title : I just wanna love you
Chapter : 4
Pairing : Percival x credence


Warning : ฟิคเรื่องนี้ไม่มีพล็อต ไม่มีเนื้อเรื่องตายตัว ถ้าสับสนมึนงงตรงไหน บอกเรานะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะ




………………..

I just wanna love you




หลังจากรับเงินค่าจ้างรายวันมาจากนายแพทย์หนุ่ม เครเดนซ์ก็ได้ล่ำลานิวท์และเจคอบก่อนที่จะเดินออกมาจากคลินิกโดยมีเพอร์ซิวัลเดินตามหลัง เมื่อทั้งสองออกมาพ้นประตูกระจกของคลินิก เด็กหนุ่มก็หันหลังกลับมามองคนมีอายุมากกว่าด้วยใบหน้าที่ลังเลราวกับมีอะไรซักอย่างจะพูด ทำให้เพอร์ซิวัลหยุดแล้วมองใบหน้าขาวพลางเลิกคิ้วเป็นคำถาม


“ผมแค่..อยากจะถามว่าทำไมคุณถึงมา?” ปากสีซีดเม้มเข้าหากันเหมือนกำลังกลัวคำตอบที่ตอบคำถามของตน แต่คนถูกถามไม่พูดอะไรนอกจากใช้มือรองแก้วโกโก้ที่อยู่ในมือขาวของเครเดนซ์ขึ้นจนหลอดจรดปากแห้ง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย ก่อนจะก้มหน้าลงงับหลอดดูดโกโก้ในแก้วเมื่อเห็นสายตาคมจ้องมา

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มดื่มโกโก้ปั่นที่ตัวเองซื้อให้เพอร์ซิวัลก็ลดมือลงคว้ามือขาวที่ว่างมากุมไว้ ก่อนจะดึงเครเดนซ์ให้เดินตามไปที่รถคันหรูที่จอดทิ้งไว้หน้าร้านกาแฟที่เขานั่งมาทั้งวันโดยไม่ตอบคำถามของเด็กหนุ่มที่ถามเขา


เพอร์ซิวัลปลดล็อกประตูรถตัวเองก่อนจะเปิดให้คนตัวเล็กกว่าเข้าไปนั่ง ก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับโดยมีดวงตากลมจ้องมองเข้าตลอดทุกการกระทำ ทำให้คนแก่กว่าอย่างเขาได้ใจเผยยิ้มบางๆออกมา รอยยิ้มๆบางๆนั่นดึงดูดจนคนมองอย่างเครเดนซ์หน้าเห่อร้อนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าคางชิดอกและเม้มปากไม่ให้ยิ้มตามคนข้างๆ


“คาดเข็มขัดด้วย”
เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติของเครเดนซ์ให้เงยหน้าเอี้ยวตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดอย่างลนๆ จนทำให้เพอร์ซิวัลอดขำในใจไม่ได้



น่ารัก...



“คุณยังไม่ตอบผมเลย” เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยทั้งคู่แล้ว เพอร์ซิวัลก็จัดการสตาร์ทเครื่องเตรียมตัวขับออกจากสถานที่นี้ทันที หลังจากนั้นเครเดนซ์ก็เอ่ยย้ำให้อีกคนตอบอีกครั้ง โดยที่ดวงตาสีนิลมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่มองหน้าคู่สนทนาเลยสักนิด


“ดื่มโกโก้นั่นให้หมดซะ เดี๋ยวพาไปทานข้าวเย็น”
แต่มีหรือที่เพอร์ซิวัลจะสนใจตอบคำถาม ชายหนุ่มละมือจากเกียร์ข้างตัวไปดันแก้วโกโก้ในมือเครเดนซ์ขึ้นอีกครั้งเป็นการบังคับแบบนัยๆให้อีกคนเลิกถามเขาแล้วดื่มโกโก้ในมือให้หมดซะ



ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แค่ยังไม่ถึงเวลา



เครเดนซ์ก้มหน้าก้มตาดื่มโกโก้ปั่นในมือตามที่เพอร์ซิวัลบอก โดยไม่ติดใจอะไรกับประโยคที่ชายหนุ่มว่าจะพาไปทานข้าวเย็นด้วยกันซักนิด เพียงแค่คิดว่าเพอร์ซิวัลจะพากลับบ้านแล้วกินข้าวเย็นกับป้าแมรี่ปกติ แต่ก็ต้องหยุดคิดแบบนั้นทันทีที่เพอร์ซิวัลหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าภัตตาคารหรูที่เป็นทางผ่านก่อนจะเป็นทางกลับบ้าน
เพอร์ซิวัลผ่อนเครื่องลงหน้าภัตตาคาร ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเดินลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูฝั่งเครเดนซ์ที่ยังคงเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ได้ ร่างสูงยกมือค้ำกับขอประตูรถตนเองแล้วมองคนที่ยังคงนั่งอยู่ในรถ เครเดนซ์ดูลังเลเล็กน้อยก่อนจะหันมามองหน้าคนมีอายุมากกว่าราวกับมีคำถาม แต่ก็ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงแล้วจำใจก้าวลงจากรถเมื่อเห็นพนักงานต้อนรับมองมาทางเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ผู้บริหารหนุ่มโยนกุญแจรถของเขาให้พนักงานก่อนเดินนำร่างโปร่งเข้าไปในตัวร้าน ก่อนจะหยุดแล้วหันมาคว้าแก้วโกโก้ปั่นที่หมดไปเกือบครึ่งแก้วจากมือขาวมาทิ้งลงถังขยะข้างประตูร้าน เมื่อทิ้งเสร็จเพอร์ซิวัลก็ชี้ไปที่ป้ายห้ามเอาอาหารเข้าให้เครเดนซ์ที่กำลังมึนงงเห็น ก่อนที่เขาจะคว้ามือบางแล้วดึงเบาๆให้เดินตามเขาเข้าร้าน


“คุณเกรฟส์..”
พอเพอร์ซิวัลดึงเครเดนซ์มานั่งที่โต๊ะได้สำเร็จเด็กหนุ่มก็พูดเรียกอีกคนทันที แต่เจ้าของชื่อก็ยังคงไม่สนใจเด็กน้อยซักนิด ทำเอาเครเดนซ์ที่โดนเมินก้มหนาลงหงอยๆทันที


อะไรกัน พูดก็ไม่พูด เป็นใบ้กะทันหันหรือไง แล้วลากมาร้านแพงๆแบบนี้จะมีเงินจ่ายไหมนี้เรา?


ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองในใจก่อนเงยหน้ามองคนที่นั่งตรงข้าม แล้วก้มลงมองเงินในซองที่นิวท์ให้มาพลางคำนวณว่าจะพอสำหรับค่าห้องไหม ก่อนจะสดุ้งเมื่ออีกคนถามว่าจะเอาอะไรเพิ่มไหม?หลังจากสั่งของตัวเองเรียบร้อย

“อะ..เอ่อ ไม่ครับ ขอบคุณ”
เครเดนซ์ส่ายหน้าก่อนก้มลงดื่มน้ำที่พนักงานเอามาเสิร์ฟก่อนหน้านี้


“เอา ซุปเห็ด สลัด สเต็กมีเดียม แล้วก็ของหวานแนะนำของวันนี้”
เพอร์ซิวัลออกปากสั่งอาหารเพิ่มก่อนจะยื่นเมนูคืนให้พนักงาน แล้วเขาค่อยประสานมือมาวางบนโต๊ะแล้วเท้าคางมองเด็กหนุ่มที่กำลังก้มหน้าหลบตาเขาพอดี


“มีอะไรก็พูด ฉันรู้เธออยากถาม อยากพูด แค่ไม่กล้า ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะโกรธ”


เครเดนซ์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนแก่กว่าที่กำลังเท้าคางมองมาด้วยสายตาที่เครเดนซ์เองก็เดาไม่ออกว่าคืออะไร แค่รู้ว่ามันน่าหลงใหลจนลืมตอบเจ้าของสายตาคม กระทั่งสายตาคมคู่นั่นเคลื่อนเข้ามาใกล้จนเด็กหนุ่มต้องกลั้นหายใจ


“ฉันรู้ว่าเธอชอบมองฉัน แต่ไม่จำเป็นต้องมองด้วยสายตาที่น่ารักแบบนั้นสิ ฉันเขินเป็นนะ”
เมื่อความอบอุ่นจากหน้าผากแบนแผ่สู่หน้าผากมนของเครเดนซ์ เพอร์ซิวัลก็พูดออกมาเบาๆให้ได้ยินเพียงสองคน พร้อมเผยยิ้มมุมปากให้อีกคนที่ได้เห็นได้นิ่งไปราวกับถูกสาปให้เป็นหิน
         

และการถูกสาปก็ต้องแก้ด้วยจุมพิต


เมื่อเห็นเด็กหนุ่มนิ่งไป เพอร์ซิวัลก็เอียงหน้าเข้าหาเครเดนซ์ช้าๆ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะประทับลงกลีบปากสีซีดเบาๆ

ดวงตาหวานปิดลงน้อมรับจูบที่คนตรงหน้ามอบให้โดยไม่ขัดขืน เพอร์ซิวัลก็เช่นกัน เขาหลับตา ซึมซับสัมผัสนิ่มหยุ่นของริมฝีปากสากที่เหมือนจะกระหายน้ำตลอดเวลาของเด็กหนุ่มที่ไม่ประสีประสาช้าๆ


ไม่มีการรุกล้ำ ไม่มีการบดจูบอย่างเร่าร้อนใดใด


ไม่


เพียงแค่จูบ แค่ปากประกบปาก


ใช่แค่นั้น แต่แค่นั้นก็ทำให้เสียงเซ็งแซ่รอบข้างได้เงียบสงัดและหายไป


เหลือเพียงเสียงหัวใจของคนสองคนที่เต้นพร้อมๆกัน




.
.
.

เงียบ..



คำเดียวที่ใช้ได้กับบรรยากาศในรถคันงามนี้ได้


ภายในรถมีเพียงเสียงลมจากแอร์เท่านั้นที่ไม่ทำให้เงียบจนเกินไป หลังจากที่เพอร์ซิวัลผละจูบออกช้าๆ พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟพอดี ทั้งสองคนนั่งเงียบกันทั้งมื้อ ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างทานโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา เด็กหนุ่มที่เหมือนจะมีคำพูดมากมายกลับเป็นคนแรกที่เปิดประเดิมมื้ออาหารทันทีอาหารมาถึง ไม่สนสายตาที่มองด้วยความเอ็นดูของชายหนุ่มเลยซักนิด 


ไม่ใช่เพราะอึดอัด แต่เขินอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา


และในตอนนี้เพอร์ซิวัลได้ขับรถพาเครเดนซ์มาส่งถึงหน้าบ้าน แต่เจ้าตัวดันนั่งนิ่งก้มหน้าก้มตาไม่ลงจากรถเสียที


“เครเดนซ์ ถ้าเธอโกรธฉันขอโทษนะ ฉันแค่..”


“ผมรักคุณ!


เพอร์ซิวัลกำลังทำลายความเงียบแต่เด็กหนุ่มก็พูดแทรกขัดจังหวะ ทำให้ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง
เครเดนซ์แค่คิดว่านี้คือโอกาสที่จะบอกรักคนข้างๆเลยโพล่งออกไปพร้อมกับที่เพอร์ซิวัลพูดขอโทษ นั่นทำให้เด็กหนุ่มที่ได้ยินคำขอโทษน้ำตาเอ่อล้นขอบตาอย่างช่วยไม่ได้


ทำไมล่ะ? ทำไมต้องขอโทษล่ะ? จูบนั่นเกิดจากความไม่ตั้งใจเหรอ? จูบนั่นเกิดจากแค่บรรยากาศเหรอ? เขานึกว่าเพอร์ซิวัลชอบเขาเลยจูบเขาซะอีก ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ?



ความคิดมากมายเกี่ยวกับการขอโทษเรื่องจูบตอนนั้นตีกันในหัวของเด็กหนุ่ม น้ำตาที่ไม่เคยไหลตั้งแต่พ่อและแม่จากไป บัดนี้มันไหลพรุ่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ไหล่เล็กห่อเข้าหากันสั่นระริกด้วยแรงสะอื้น ทำให้เพอร์ซิวัลใจหายเมื่อเห็นภาพนี้



ทำไมล่ะ? บอกรักเขาแล้วร้องไห้ทำไม? เขาทำอะไรผิด? หรือเพราะที่เขาจูบเด็กหนุ่ม? เขาทำผิดจนเด็กหนุ่มเสียใจที่รักเขาอย่างนั้นเหรอ?



ความคิดมากมายที่เกี่ยวกับน้ำตาของเครเดนซ์ตีกันในหัวของผู้บริหารหนุ่ม ใจที่ไม่เคยรู้สึกถึงความเจ็บปวด บัดนี้มันบีบรัดจนเขาหายใจไม่ออก สายตาคมมองไปที่เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเขาพร้อมกับคิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากัน เพอร์ซิวัลไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรกับคนตรงหน้า จึงปล่อยให้เครเดนซ์ร้องไห้กับตัวเองเงียบๆ
         

          กระทั่งเครเดนซ์เงยหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่ม เพอร์ซิวัลตั้งใจจะพูดอะไรซักอย่าง แต่เด็กหนุ่มพูดขึ้นก่อนเดินลงจากรถเข้าบ้านไป



          “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ”

         
          แค่นั้นก่อนเดินจากไป ทิ้งให้เพอร์ซิวัลพึมพำกับตัวเองเบาๆ


          “ฉันก็รักเธอ”




          .
          .
          .
          .

          ปึง!


          “เครเดนซ์กลับมาแล้วเหรอ?”
          แมรี่ที่ได้เสียงปิดประตูจากห้องเครเดนซ์เดินออกมาจากครัวก่อนจะตะโกนขึ้นถามหาเด็กหนุ่ม แต่ก็มีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา สายตาแมรี่ยังคงมองไปที่ชั้นสองของบ้าน หวังว่าเครเดนซ์จะตะโกนตอบมาซักนิดก็ยังดี



          ร่างโปร่งทรุดลงนั่งกับพื้นหน้าประตูห้องแล้วร้องไห้ออกมา ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วปล่อยสะอื้นจนตัวโยน เฝ้านึกคิดว่าการที่ไปบอกรักเพอร์ซิวัลคือการผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้าปล่อยให้อีกคนพูดให้จบประโยคคงไม่น่าจะเสียใจเท่านี้ ถ้าไม่บอกรักไปเพอร์ซิวัลคงไม่รู้สึกผิดและเงียบไปแบบนั้น เขาและเพอร์ซิวัลจะยังคงคุยกันได้ฉันท์เพื่อนบ้านได้เหมือนเดิม แต่ใช่ ถ้า..มันไม่มีทางเป็นเหมือนเดิม



          เพอร์ซิวัลขับรถกลับมาที่บ้านด้วยจิตใจอันห่อเหี่ยวเมื่อเห็นน้ำตาของคนที่เรียกว่ารักของเขาได้เต็มปาก ร่างหนาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาที่พึ่งมาส่งในวันนี้ก่อนจะเหยียดขาเอนตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผาก คิดไม่ตกว่าตัวเองทำอะไรผิด เป็นถึงผู้บริหารใหญ่โตทำไมแค่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดจนทำให้เด็กร้องไห้เสียใจขนาดนั้นยังคิดไม่ได้ ลาออกซะดีไหม? เพอร์ซิวัลตั้งข้อสงสัยกับตัวเองก่อนจะวกกลับมาคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด



จนแล้วจนรอดก็ยังคิดไม่ออก


“แกมันโง่เพอร์ซิวัล”


ว่าแล้วก็ด่าตัวเองกระเตื้องความคิดซะหน่อย แต่ก็ยังคิดไม่ออก



ลาออกเลยดีไหม?

-To be continue-



Note : คุณอาก็ง้อสิคะ! มานั่งๆนอนๆแบบนี้น้องจะหายไหม!! โอเคค่ะ ขอโทษที่ยังคงมึนๆงงเหมือนเดิมเลย แหะๆ ขอโทษนะคะ... มีคำผิด คำตกหล่นยังไง บอกเราด้วยนะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ รักนะ